วันพฤหัสบดีที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

Andaman and Nicobar Islands หมู่เกาะมรกตแห่งอันดามัน

อินเดียมีความหลากหลายทางธรรมชาติมากมาย มีทั้งหิมะ ทะเลทราย ภูเขา และ ทะเล แม้แต่คนอินเดียกันเองก็เข้าใจได้ไม่หมด

หมู่เกาะอันดามันแอนด์นิโคบาร์ เป็นอีกสถานที่หนึ่งของอินเดีย ที่แตกต่างโดยสิ้นเชิงกับพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศเพราะภูมิประเทศประกอบด้วยเกาะใหญ่น้อย 572เกาะ ทอดเรียงกัน ท่ามกลางท้องทะเลสีครามเข้ม ใสสะดุดตาไปหลายๆเมตรจนทำให้เห็นความงามใต้ท้องทะเล ทั้งปาการัง ฝูงปลาใหญ่น้อยได้อย่างชัดเจน มีประชากรอาศัยอยู่รวมแล้วประมาณ 600,000 คน (ปี 2014) ส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่บนเกาะอันดามัน

โดยธรรมชาติแล้วคล้ายกับหมู่เกาะมัลดีฟ ที่เที่ยวยอดฮิตที่คนไทยรู้จักกันดี ใครเป็นคอกีฬาทางน้ำ ประเภทดำน้ำดูปะการัง ที่นี่คงเป็นหนึ่งใน wish lists ของทุกคนด้วยแน่นอน 

น้ำทะเลที่เห็นใสจริงๆ (เครดิตภาพจากเน็ต)

หมู่เกาะตั้งอยู่ทางฝั่งทะเลอันดามันห่างแผ่นดินใหญ่อินเดียไปทางตะวันออก 1,200+กม. แต่ห่างประเทศไทยฝั่งระนองภูเก็ตเพียง 400+ กม. และห่างจากเกาะสุมาตราของอินโดนีเซียเพียง 150กม. ดังนั้นหากพิจารณาทางภูมิศาสตร์แล้ว หมู่เกาะนี้น่าจะเป็นของประเทศใดประเทศหนึ่งในอาเซี่ยนมากกว่าจะเป็นของอินเดีย เพราะอยู่ไกล้กว่ากันมาก




แต่ทางประวัติศาสตร์แล้ว กลับคล้ายกับเกาะตะรุเตาของไทย เพราะในอดีตยุคล่าอณานิคม อังกฤษใช้เกาะนี้เป็นที่คุมขังนักโทษการเมืองร้ายแรงของอินเดียหรือ Freedom fighters ทั้งหลาย Cellular jail คือคุกที่อังกฤษสร้างขึ้นเพื่อขังนักโทษดังกล่าว นอกเหนือจากประวัติศาสตร์อันยาวนานที่เกาะนี้ได้ผนวกกับอินเดียมาก่อนแล้ว และนี่ก็เป็นสาเหตุประการหนึ่งที่หมู่เกาะนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของอินเดีย
ด้านหน้าทางเข้า Cellular Jail

ปัจจุบันอาคารคุก Cellular Jail นี้ได้รับการรักษาดูแลอย่างดีเป็นพิพิธภัณฑ์ให้นักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชม มีภาพถ่ายและประวัตินักโทษการเมืองแต่ละคนด้วย
อาคารพิพิธภัณฑ์ที่มีภาพถ่ายและประวัตินักโทษแต่ละคนคร่าวๆ

ตัวอาคารออกแบบอย่างฉลาดคล้ายปลาดาว เป็นแฉกๆมีทางขี้นลงที่จุดเดียวคือตรงกลาง
ภาพมุมสูงตัวอาคาร (เครดิตภาพจากเน็ต)
แต่ละแฉกของอาคารของอาคารซึ่งเป็นห้องขังเรียงกันเป็นตับ ด้านหน้าของห้องขังหนึ่งมองออกมาจะเจอกับด้านหลังของอีกห้องขังหนึ่งที่อยู่ ณ อีกแฉกหนึ่ง ทำนองว่านักโทษแต่ละคนจะไม่มีทางเห็นหน้ากันเลย
ด้านหน้าของแต่ละห้องขัง จะมองเห็นด้านหลังของอีกห้องขังที่อยู่อีกแฉกหนึ่ง

ทางขึ้นลงมีจุดเดียวอยู่ตรงกลาง สามารถขึ้นไปได้จนถึงชั้นดาษฟ้า
อาคารที่เห็นคือจุดขึ้นลงซึ่งมีเพียงจุดเดียว

บรรยากาศบนดาษฟ้า สามารถมองเห็นวิวทะเลชัดเจน หากท้องฟ้าอากาศโปร่งกว่าวันที่ไปถึงคงสวยงามกว่าที่เห็นมาก
บนดาษฟ้าบรรยากาศสวยงามมองเห็นทะเลและเกาะได้ชัดเจน
เกาะที่เป็นจุดสนใจของหมู่เกาะนี้ นอกเหนือจากเกาะใหญ่ 2 เกาะหลัก คืออันดามัน และนิโคบาร์แล้ว ยังมีเกาะอื่นๆอีกเช่น เช่น Ross island 
ท่าเรือเดินทางไป Ross Island ที่มองเห็นลิบๆอยู่ข้างหน้า

อยู่ใกล้เมืองท่า Port Blair ซึ่งเป็นเมืองหลวงของหมู่เกาะอันดามันแอนด์นิโคบาร์เพียง 1กม. ใช้เวลาเดินทางโดยเรือแค่ 10-15 นาที แค่นั้นเอง
ชายหาดรอบเกาะ Ross Island

ในอดีตเกาะนี้เป็นที่ตั้งของที่ทำการของอังกฤษ แต่หลังจากเกิดแผ่นดินไหวหลายครั้งรวมทั้งหลังสงครามโลกครั้งที่2 ที่เกาะนี้ถูกระเบิดถล่มด้วย ปัจจุบันจึงคงเหลือแต่ซากอาคารต่างๆให้เห็นเท่านั้น 
ซากอาคารต่างๆซึ่งในอดีตเคยอาคารสวยงาม

และไม่มีคนอยู่อาศัยมีแต่กวาง และนกยูงที่ถูกเลี้ยงไว้บนเกาะที่คุ้นกับนักท่องเที่ยวสามารถให้อาหารกับมือได้แทบทุกตัว 
กวางเชื่องๆเดินไปมาอยู่หลายตัว สามารถให้อาหารกับมือได้

ปรกติท่าเรือจาก Port Blair จะให้เวลานักท่องเที่ยวใช้เวลาอยู่บนเกาะ Ross Island ไม่เกิน 3 ชม. ซึ่งจะมีเรือรอบต่อไป ไปส่งนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นอีก พร้อมกลับรับนักท่องเที่ยวก่อนนี้กลับไปยังเกาะอันดามัน


อีกหนึ่งเกาะยอดฮิตคือ Havelock island ที่ใช้เวลาประมาณ 2ชม.จากท่าเรือ Port Blair โดยเรือเฟอรี่ขนาดใหญ่ที่มีให้บริการทั้งของรัฐบาลและเอกชน
เกาะ Havelock (เครดิตภาพจากเน็ต)
หรือเพียง 20 นาทีหากใช้บริการ Seaplane (เครื่องบินวิ่งบนน้ำได้) 
Seaplane ที่ให้บริการระหว่าง Port Blair กับ Havelock

ซึ่งบนเกาะนี้ ถือเป็นเกาะที่ต้องไปสำหรับคนไปเที่ยวหมู่เกาะ Andaman & Nicobar เพราะมีหาดที่สวยงามหลายหาด
หาดสวยงามบนเกาะ Havelock (เครติดภาพจากเน็ต)

โดยเฉพาะหาด Radhanagar ที่ Time Magazine ปี 2004 เคยจัดให้เป็นหาดที่สวยงามมากที่สุดในเอเชีย มาแล้ว
หาด Radhanagar (เครติตภาพจากเน็ต)

มีรีสอร์ทหลายแห่งให้ได้พักที่นี่ แต่เนื่องจากผมไปดูงานไม่มีเวลามากนักประกอบกับช่วงนี้เป็นช่วงมรสุม ผมจึงไม่ได้ข้ามไปดูเกาะแห่งนี้
Resort หนึ่งในหลายๆรีสอร์ทบนเกาะ Havelock (เครดิตภาพจากเน็ต)

ตอนช่วงที่ผมไป 11-13 ก.ค. 14 ถือว่าเป็นช่วง Peak ของมรสุมแล้ว บรรยากาศทั่วไปจึงเต็มไปด้วยเมฆหมอก แถมด้วยฝนเป็นระยะๆ จึงทำให้ไม่มีโอกาสนั่งชมความงามบรรยากาศที่ใดๆได้นานๆประมาณว่าได้แต่เพียงแค่โฉบๆเพื่อเก็บบรรยากาศแค่นั้นเอง 
ถนนเลียบชายหาดในเมือง Port Blair เมืองหลวงของหมู่เกาะนี้

เวลาส่วนใหญ่จึงใช้อยู่แค่บนเกาะอันดามัน โดยใช้เวลานั่งรถไปชมบบรยากาศโดยรวมของเมือง Port Blair รวมทั้งหาดสวยงามบนเกาะ ซึ่งก็มีอยู่หลายหาดเช่นกัน
บรรยากาศข้างทางบางจุดในเมือง Port Blair

สภาพถนนในเมือง Port Blair
เช่น Corbyn's Cove beach อยู่ห่างสนามบินไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 4.5 กม 
หาด Corbyn's Cove Beach ที่เป็นยอดฮิตของเกาะอันดามันตอนใต้

หาดนี้เป็นหาดที่มีนักท่องเที่ยวไปเที่ยวกันมากที่สุดของเกาะอันดามันตอนใต้ เนื่องจากถือว่าอยู่ในเมืองไปมาสะดวก มีเก้าอี้ชายหาดให้นั่งเล่น และกิจกรรมทางน้ำให้สนุกกันได้ด้วย
มีกิจกรรมทางน้ำหลายอย่างให้นักท่องเที่ยวได้สนุก
นอกนั้นก็มี Wandoor beach ออกนอกเมือง Port Blair ไปทางใต้ประมาณ 25กม. 
หาด Wandoor Beach ที่สวยงามและไม่พลุกพล่าน

หาดยังมีความเป็นธรรมชาติมากกว่า Corbyn's Cove นักท่องเที่ยวยังน้อย (อาจจะเพราะช่วงมรสุมดังกล่าว) 
หาดสวย น้ำใส และนายแบบหล่อ555

มีโขดหินสวยให้ได้นั่งเอาเท้าแหย่น้ำให้ปลาตอดเล่นได้ด้วย



โขดหินสวยที่หาด Wandoor
และอีกหาดที่เดินทางไกลลงใต้ออกมาอีกหน่อยคือ Chiriya Tapu beach อยู่ทางตอนใต้สุดของเกาะอันดามัน 28กม.จาก Port Blair 
หาดยังเป็นธรรมชาติแบบเดิมๆอยู่มาก

หาดนี้จัดเป็น Eco friendly beach ด้วย คือทุกอย่างที่ใช้ก่อสร้าง หรือของใช้ที่นี่ จะทำจากวัสดุธรรมชาติเท่านั้น ไม่มีพลาสติก สังกะสีหรือวัสดุอื่น เรื่องอนุรักษ์ป่าไม้และสิ่งแวดล้อมนี่ ต้องยอมรับว่าอินเดียเขาทำได้ดีกว่าไทยมากๆ

ชายหาดวันไปเที่ยวแทบไม่มีนักท่องเที่ยว 
ปรกติหากเป็นช่วงพ้นมรสุมไปแล้ว จุดขายของหาดนี้อีกอย่างคือไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่สีแสงสวยงามมากยามตัดกับทะเลสีคราม แต่วันที่ผมไปนั้น อย่าว่าแต่พระอาทิตย์เลย แสงอาทิตย์แทบมองไม่เห็นเพราะครึ้มฝนทั้งวัน เลยอดมีภาพพระอาทิตย์ตกสวยๆมาฝาก


Mount Harriet เป็นอีกหนึ่งที่ ที่น่าสนใจของเกาะ เนื่องจากเป็นจุดชมวิวสูงสุดของอันดามันตอนใต้สูงประมาณ 366ม.เหนือระดับน้ำทะเล ไปจุดดังกล่าวจะต้องเอารถใส่เรือ Ferry ข้ามไปอีกเกาะ
ขึ้นเฟอร์รี่เพื่อไปดู Mount Harriet

หลังจากลงเฟอร์รี่แล้ว ก็นั่งรถขึ้นเขาไปอีกประมาณ 15 นาที ระหว่างทางผ่านโบสถ์คริสต์ที่ใหญ่ที่สุดของหมู่เกาะนี้ด้วย
Catholic Church Panighat
เหลือประมาณ 100 ม. สุดท้ายจึงเห็นป้ายทางเข้า และเป็นจุดที่ต้องเดินขึ้นไปเอง 
จุดที่ต้องเดินเท่าไปเองอีกประมาณ 100 ม.

จุดสูงสุดที่จัดให้ชมวิว ยอมรับว่าสวยจริงๆสามารถมองเห็นเกาะสำคัญอื่นๆได้หลายเกาะ เสียดายวันที่ไปเป็นยามเย็นทั้งเมฆทั้หมอกเต็มไปหมด มองไปทางไหนก็เห็นแต่สีขาวของหมอก เลยอดเห็นเกาะต่างๆไป
ศาลาชมวิว

ตอนนี้อินเดียกำลังเข้าสู่โหมดพัฒนาอย่างขนานใหญ่ รวมทั้งหมู่เกาะนี้ด้วย จุดขายของอันดามันแอนด์นิโคบาร์คือแหล่งท่องเที่ยว อินเดียจึงต้องการสร้างหมู่เกาะนี้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางฝั่งตะวันออกของประเทศ คู่กับรัฐกัวร์ที่อยู่ทางฝั่งตะวันตก

และตอนนี้ก็ประเดิมด้วยการจะสร้างสนามบินแห่งใหม่บนเกาะนี้ ให้เป็นสนามบินนานาชาติด้วย ต่อไปไม่แน่อาจจะมีสนามบินจากไทยไปหมู่เกาะนี้ด้วยราคาย่อมเยาก็เป็นได้ เพราะใช้เวลาบินไม่เกินครึ่งชั่วโมงเอง
ด้านขวามือของภาพคือที่จะสร้างสนามบินอาคารใหม่ให้เป็นสนามบินนานาชาติ

การไปเกาะนี้ครั้งนี้ของผมก็เพื่อภาระกิจที่ว่านี้ครับ....หากโชคดีได้งานนี้คงได้ย้อนกลับมาชมเกาะนี้อีกครั้ง....หมู่เกาะมรกตแห่งอันดามัน